การเลือกตั้งประธานาธิบดีตุรกีในปีนี้ค่อนข้างดุเดือด และถือเป็นการเลือกตั้งครั้งสำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ของตุรกี เพราะจะส่งผลต่อจุดยืนของตุรกีบนเวทีโลก รวมถึงการสร้างพันธมิตรทางยุทธศาสตร์ และทิศทางเศรษฐกิจของประเทศ
โดยปีนี้ผู้สมัครตัวเต็งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอย่าง “เรเซป เทย์ยิป แอร์โดอัน” ประธานาธิบดีตุรกีตุรกีคนปัจจุบัน และ “เคมัล คิลิกดาโรกลู” จากพรรคสาธารณรัฐประชาชน (CHP) ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านของตุรกี มีคะแนนสูสีกันอย่างมาก
จับตาเลือกตั้งตุรกี ชี้ชะตา “แอร์โดอาน” หลังกุมอำนาจนาน คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
ฝ่ายค้านตุรกีอ้าง รัสเซียพยายามแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดี
สำนักข่าวอนาโดลู สื่อของรัฐบาล รายงานผลการนับคะแนนที่นับเสร็จสิ้นไปแล้วร้อยละ 97.95 โดยพบว่า “แอร์โดอัน” มีคะแนนนำมาเป็นอันดับหนึ่ง อยู่ที่ร้อยละ 49.34 ส่วน “คิลิกดาโรกลู” ตัวเต็ง จากพรรคฝ่ายค้านของตุรกีมีคะแนนตามมาเป็นอันดับสอง อยู่ที่ร้อยละ 44.79 และ ซีนัน โอกัน ผู้สมัครจากพรรคชาตินิยมตามมาเป็นอันดับสามได้เสียงสนับสนุนประมาณร้อยละ 5.3
บรรยากาศการเลือกตั้งตุรกีในปีนี้ค่อนข้างคึกคักและมีผู้ใช้สิทธิจำนวนมาก รวมถึงในจังหวัดฮาเตย์ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เกิดภัยพิบัติแผ่นดินไหวครั้งใหญ่เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา จนคร่าชีวิตผู้คนไปมากกว่า 5 หมื่นราย และทำให้ผู้คนหลายล้านคนต้องไร้ที่อยู่อาศัย อย่างไรก็ดี เมื่อวานนี้ประชาชนของจังหวัดฮาเตย์ เดินทางกลับไปใช้สิทธิเลือกตั้งในจังหวัดดังกล่าวเป็นจำนวนมาก หนึ่งในผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่นี่ให้สัมภาษณ์ทั้งน้ำตา เธอบอกว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ถือเป็นความหวังของเธอ และเฝ้ารอวันที่ที่นี่จะกลับคืนสู่สภาพเดิมอีกครั้ง
อย่างไรก็ตามสำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า ผลการนับคะแนนการเลือกตั้งใน 11 เมือง ซึ่งเป็นพื้นที่เกิดภัยพิบัติแผ่นดินไหวรุนแรง ชี้ให้เห็นว่า 8 เมืองใน 11 เมืองนี้เป็นฐานที่มั่นพรรค AK ของ “แอร์โดอัน” โดยในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสองครั้งล่าสุดพื้นที่เหล่านี้ได้รับคะแนนเสียงมากกว่าร้อยละ 60
และในการเลือกตั้งครั้งนี้ ที่จัดขึ้นหลังเหตุแผ่นดินเพียง 3 เดือน พบว่าคะแนนโหวตในพื้นที่เหล่านี้ไม่ได้เปลี่ยนแปลงจากเดิมมากนัก แม้จะมีเสียงวิพากวิจารณ์รัฐบาลในเรื่องตอบสนองการช่วยเหลือจากแผ่นดินไหวที่ล่าช้าก็ตาม
อย่างไรก็ตามจากผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการนี้ ชี้ให้เห็นว่า ยังไม่มีผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีตุรกีคนใดชนะการเลือกตั้งด้วยคะแนนเสียงเด็ดขาดหรือเกินกว่าร้อยละ 50 ส่งผลทำให้ต้องจัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีรอบที่ 2 โดยจะนำชื่อของผู้ท้าชิงที่มีคะแนนมากสุดสองอันดับแรกให้ประชาชนลงคะแนนโหวตในวันที่ 28 พฤษภาคมนี้อีกครั้ง
แม้ว่า “แอร์โดอัน” จะไม่ได้รับเสียงสนับสนุนเกินกึ่งหนึ่ง จนทำให้ตุรกีต้องจัดการเลือกตั้งรอบที่ 2 แต่ก็ถือว่า เขาทำผลงานในการเลือกตั้งรอบแรกได้ดีกว่าที่ผลโพลเลือกตั้งหลายสำนักคาดการณ์ไว้ในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งว่า “คิลิกดาโรกลู” มีคะแนนนำเหนือ “แอร์โดอัน” และมีแนวโน้มจะได้คะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่งในศึกเลือกตั้งครั้งนี้
ผลการนับคะแนนที่ออกมาไม่ได้ถือว่าเป็นผลลัพธ์ที่น่าพอใจมากนักสำหรับพรรคฝ่ายค้าน อย่างไรก็ตาม “คิลิกดาโรกลู” ออกมาแถลงว่า หากประชาชนต้องการให้มีการเลือกตั้งรอบที่สอง ตัวเขาก็ยินดี และเชื่อมั่นว่าพรรคฝ่ายค้านจะได้รับชัยชนะในครั้งนี้
ในช่วงหลังการนับคะแนนเสียงไปได้ประมาณร้อยละ 97 กลุ่มเนชันส์ อะลายแอนซ์ (Nation's Alliance) ซึ่งประกอบไปด้วย “คิลิกดาโรกลู” และแกนนำจากพันธมิตรฝ่ายค้านอีก 6 พรรค ได้ออกแถลงการณ์ร่วมกัน
โดย “คิลิกดาโรกลู” ซึ่งเป็นแกนนำหลักของฝ่ายค้าน ระบุว่า หากประชาชนต้องการให้มีการเลือกตั้งครั้งที่สองก็ยินดี และมั่นใจว่าพรรคฝ่ายค้านจะชนะในการเลือกตั้งรอบ 2 และจะยอมรับผลการตัดสินของประชาชน
หลังทราบผลการนับคะแนนในเบื้องต้นเมื่อวันอาทิตย์ “คิลิกดาโรกลู” ได้ออกมาพูดเป็นครั้งแรก โดยกล่าวหา พรรคของแอร์โดอันแทรกแซงการนับคะแนนเสียงและการรายงานผลการเลือกตั้ง หลังพบความผิดปกติในการนับคะแนนในฐานที่มั่นของพรรคฝ่ายค้าน รวมถึงกรุงอังการา และนครอิสตันบูล ที่เป็นไปอย่างล่าช้า
ส่วนความเคลื่อนไหวในของ “แอร์โดอัน” หลังจากทราบผลการนับคะแนนของตนเองว่าได้น้อยกว่าร้อยละ 50 เขาได้บอกกับกลุ่มผู้สนับสนุนของเขา ที่สำนักงานใหญ่ของพรรค AK ในกรุงอังการาว่า คะแนนของเขานำหน้าคู่แข่งด้วยคะแนนเสียง 2 ล้าน 6 แสนเสียง และคาดว่าตัวเลขนี้จะเพิ่มขึ้นเมื่อปรากฏผลอย่างเป็นทางการ
การเลือกตั้งประธานาธิบดีตุรกีในครั้งนี้ แอร์โดอัน กำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่สุดในรอบ 20 ปี โดยผลการเลือกตั้งในเบื้องต้นชี้ให้เห็นว่า เขาอาจถูกบีบออกจากตำแหน่งผู้นำประเทศ เนื่องจากเขาอาจได้คะแนนโหวตไม่ถึงกึ่งหนึ่ง และหากเป็นเช่นนั้น ก็จะถือเป็นครั้งแรกที่ “แอร์โดอัน” ต้องลงเลือกตั้งรอบที่ 2 นับตั้งแต่เขาเข้าสู่สนามการเมือง คำถามที่สำคัญคือ ทำไมคะแนนนิยมของแอร์โดอันถึงลดลง
ชาวตุรกีเผชิญกับปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำเป็นระยะเวลามากกว่า 1 ปี นอกจากนี้ยังประสบปัญหาเรื่องค่าเงินลีราของตุรกีอ่อนค่าอย่างหนัก เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ รวมถึงเงินเฟ้อดีดตัวพุ่งสูงขึ้น
เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาอัตราเงินเฟ้อในตุรกีอยู่ที่ร้อยละ 43 แม้ว่าตัวเลขจะลดลงจากเดือนตุลาคมปีที่แล้ว ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 85.5 แต่ผู้คนส่วนใหญ่ยังยากลำบาก
นอกจากนี้ตุรกียังถูกซ้ำเติมด้วยเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงเมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ก่อนที่รัฐบาลของแอร์โดอันจะถูกเปิดเผยว่ามีการคอร์รัปชั่นในการก่อสร้างจำนวนมาก ส่งผลให้อาคารไม่ได้มาตรฐาน และไม่แข็งแรงพอในการรับแรงสั่นสะเทือน
แม้ตลอดช่วงสิบปีแรกของการบริหารประเทศของแอร์โดอันสามารถมัดใจกลุ่มผู้มีรายได้น้อยได้ แต่ว่าปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจปากท้องของชาวบ้านในช่วงกว่า 1 ปีที่ผ่านมา ส่งกระทบต่อความนิยมของเขาอย่างหนัก และกลุ่มผู้ที่เคยให้การสนับสนุนก็ตัดสินใจที่จะไม่เลือกเขาแล้วในการเลือกตั้งครั้งนี้
คำถามสำคัญอีกข้อหนึ่งคือ แล้วการเลือกตั้งของตุรกีจะเป็นอย่างไรต่อจากนี้ นักวิเคราะห์มองว่า หากมีการเลือกตั้งรอบสอง แอร์โดอันยังคงได้เปรียบอยู่ เพราะยังทำผลงานได้ดีว่าพรรคพันธมิตรของฝ่ายค้าน
ฮาคัน อักบาส ผู้อำนวยการจัดการสำนักงานที่ปรึกษาทางยุทธศาสตร์การเมือง ระบุว่า ในช่วงเวลาอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้าอาจเป็นช่วงเวลาที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ของตุรกี เพราะจะมีเหตุการณ์ต่างๆเกิดขึ้นมากมาย เช่น ตลาดหุ้นอิสตันบูลอาจปรับตัวลดลงอย่างรุนแรง และเกิดการผันผวนของค่าเงิน และทั้งสองฝ่ายอาจพยายามกล่าวหากันไปมา แต่ตัวเขามองว่า แอร์โดอานจะได้เปรียบในการเลือกตั้งรอบ 2 หลังทำผลงานได้ดีกว่าพรรคพันธมิตรฝ่านค้าน